กระทรวงอุตสาหกรรมและผู้นำอุตสาหกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมงานสัมมนา Delta Summit 2023 พร้อมสัมผัสโซลูชันในการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำอัจฉริยะ
กระทรวงอุตสาหกรรมและผู้นำอุ
พร้อมสัมผัสโซลูชันในการขับเคลื่
กรุงเทพฯ ประเทศไทย 3 พฤศจิกายน 2566 – บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการจัดงานสัมมนา Delta Future Industry Summit ประจำปี 2556 ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 3 พฤศจิกายน ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 กรุงเทพฯ ภายใต้หัวข้อ “ตระหนักถึงสังคมคาร์บอนต่ำอัจฉริยะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยงานสัมมนาประจำปีของเดลต้าครั้งที่ 5 นี้ เป็นเวทีสำหรับพันธมิตรของเดลต้า ทั้งจากภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการวิจัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและหารือเกี่ยวกับนวัตกรรมโซลูชันอัจฉริยะใหม่ล่าสุดของเดลต้า ได้แก่ สถานีชาร์จประจุรถยนต์ไฟฟ้า ศูนย์ข้อมูลและพลังงานสีเขียว โดยการเสวนาเชิงลึกและการแสดงโซลูชันของเดลต้าได้เผยให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจมากมายในการสร้างศูนย์ข้อมูล ระบบไฟฟ้า และโครงข่ายไฟฟ้าเพียงพอสำหรับรองรับการชาร์จรถจำนวนมาก
ดร. ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการทางการเงินมูลค่ากว่า 450,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Green taxonomy) นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุนมากกว่า 1.6 ล้านล้านบาทในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ภายในปี พ.ศ. 2573 โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเห็นชอบกับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า EV3.5 ใหม่ เพื่อส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศในขณะที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผู้ผลิตมากขึ้น นอกจากนี้เดลต้ายังได้ช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของประเทศไปสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ยั่งยืน ด้วยเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลที่ประหยัดพลังงาน โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ถึง พ.ศ. 2566 เดลต้าได้มอบเงินทุนมากกว่า 28 ล้านบาท ให้กับทีมต่าง ๆ กว่า 200 ทีมผ่านโครงการ Angel Fund สำหรับสตาร์ตอัพ ซึ่งสนับสนุนการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอัจฉริยะและพลังงานเชิงพาณิชย์เข้าสู่ตลาดประเทศไทย โครงการ Angel Fund ของเดลต้าถือเป็นส่วนสำคัญของกิจกรรมส่งเสริมอุตสาหกรรมของกระทรวงที่คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมมากกว่า 56.5 ล้านบาท”นายคาวิกกุมาร์ มุรูกานาธาน หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนและนโยบายของบริษัทไมโครซอฟท์ (ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) กล่าวว่า "ภาคธุรกิจและสังคมในปัจจุบันอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ศูนย์ข้อมูลและการให้บริการคลาวด์เป็นรากฐานที่สำคัญในการสนับสนุนภาคธุรกิจในเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วทุกภาคส่วนให้เจริญเติบโต อำนวยความสะดวกด้วยเครือข่ายดิจิทัลความเร็วสูง เครือข่ายปริมาณสูงและการเชื่อมต่อโครงข่ายที่มีความหน่วงต่ำ โดยทั่วไปแล้ว การทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวของเราในปัจจุบันมีข้อมูลเป็นสื่อกลาง และข้อมูลเหล่านั้นถูกให้บริการโดยศูนย์ข้อมูล คลาวด์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในระยะยาว และสร้างหนทางให้ประเทศต่าง ๆ บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เป้าหมายสองประการของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและการเติบโตที่ยั่งยืนสามารถบรรลุได้ด้วยการเร่งนำระบบคลาวด์ไปปรับใช้ ตัวอย่างเทคโนโลยีที่เปิดใช้งานคลาวด์ อาทิ AI ให้การสนับสนุนที่สำคัญและปฏิเสธไม่ได้แก่รัฐบาลในการประชุม UNSDGs”
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 งานสัมมนาประจำปีของเดลต้าได้รวบรวมบรรดาผู้นำในประเทศไทย ทั้งจากภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม พร้อมด้วยสื่อมวลชนเพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ พร้อมแบ่งปันนวัตกรรมล่าสุดและข้อมูลเชิงลึกในการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยในปีนี้ เดลต้าได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันดังต่อไปนี้:
• โมเดล 3 มิติของศูนย์ข้อมูลแบบตู้คอนเทนเนอร์ แบบโมดูลาร์ และแบบอาคาร พร้อมสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง VR
ภายในงาน เจ้าหน้าที่อาวุโสจากภาครัฐของไทยได้ให้เกียรติกล่าวบรรยายถึง การเปลี่ยนผ่านของประเทศสู่พลังงานสะอาด ซึ่งสนับสนุนแผนการพัฒนาประเทศไทย 4.0 ภายใต้หัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” นายแจ็คกี้ จาง ประธานบริษัทเดลต้า ประเทศไทยนำเสนอภายใต้หัวข้อ “เส้นทางคาร์บอนต่ำของเดลต้าประเทศไทย จาก RE100 สู่คาร์บอนเป็นศูนย์” และนายคาวิกกุมาร์ มุรูกานาธาน หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนและนโยบายของบริษัทไมโครซอฟท์ (ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “กลยุทธ์อนาคตที่ยั่งยืน: การมีส่วนร่วมขององค์กรในการเปลี่ยนผ่านสู่คาร์บอนต่ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
สำหรับวิทยากรในการเสวนาช่วงแรกภายใต้หัวข้อ “การปฏิวัติพลังงานสู่กริดคาร์บอนต่ำและขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า” ประกอบไปด้วย นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ EV Charger บริษัท อรุณ พลัส จำกัด นายดีน เชอร์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจยานยนต์ บริษัท SP Mobility นางสาวเจมมี่ โค ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์จาก Grab และนายกิตติศักดิ์ เงินงอกงาม ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานพลังงานของเดลต้า
เดลต้า ประเทศไทยเป็นองค์กรพลเมืองระดับโลกและเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคสำหรับการวิจัยและพัฒนา การผลิต และธุรกิจสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย เดลต้าพร้อมสำหรับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและอุตสาหกรรมในการบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UNSDGs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานหมุนเวียน โครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอัตโนมัติ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำที่สมบูรณ์ ปลอดภัย และเจริญรุ่งเรืองสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เกี่ยวกับ บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)
บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อปี พ .ศ. 2531 เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำของโลกด้านโซลูชันการจัดการพลังงานและความร้อน นอกจากนี้ เดลต้า ฯ ยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในระดับภูมิภาคหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ อาทิ ระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม ระบบแสดงผลครบวงจร และระบบเครือข่าย โดยพันธกิจของบริษัทฯ ที่ว่ามุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นส์การประหยัดพลังงานทางด้านเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ และด้วยนวัตกรรมการวิจัยและพัฒนาที่ทันสมัย ธุรกิจหลักของบริษัทฯ แบ่งได้ดังนี้ เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ ออโตเมชั่น และระบบโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทฯ มีสำนักงานขายมากมายในภูมิภาคหลักทั่วโลก โรงงานผลิตในอินเดีย สโลวาเกีย และประเทศไทย ศูนย์วิจัยพัฒนาและออกแบบในไทย อินเดีย เยอรมันและอื่น ๆ อีกมากมายในหลายประเทศ
เดลต้า (ประเทศไทย) เป็นบริษัทอุตสาหกรรมชั้นนำที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและในภูมิภาค โดยได้รับการเชิดชูเกียรติจากนานาสถาบัน อาทิ รางวัลองค์กรธุรกิจแห่งอาเซียนด้านสุดยอดนวัตกรรม รางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานดีเด่นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมจากนายกรัฐมนตรี
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเดลต้าฯ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.deltathailand.com
โทร : +66 (0)2709 2800 ext. 6303,6381
No comments