นอกจากกรุงเทพมหานครแล้ว เว็บไซต์ GoodWalk ยังมีการประเมินค่าการเดินดี ในต่างจังหวัดด้วย เช่น ในจังหวัดเชียงใหม่ ย่านที่เข้าข่ายเดินได้-เดินดี ได้แก่ ย่านช้างเผือก ย่านท่าแพ ตลาดวโรรส เป็นต้น
ผู้สนใจสามารถเข้าไป GoodWalk (http://goodwalk.org/) เพื่อค้นหาคะแนน Goodwalk score ในย่านที่คุณอยู่อาศัย หรือค้นหาจุดหมายปลายทางที่คุณอยากไปในระยะที่เดินถึงจากตำแหน่งทีคุณอยู่ ค้นหาย่านที่ตรงใจ เดินได้ เดินดี ฯลฯ
เดินสร้างความเข้าใจ ร่วมสร้าง “เมืองเดินได้-เมืองเดินดี”
กรุงเทพมหานครเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการตลาดรถยนต์ จนกลายเป็นเมืองแห่งรถยนต์ แต่การพัฒนาเมืองให้เป็น “เมืองเดินได้-เมืองเดินดี” อาศัยเวลา โดยฉพาะอย่างยิ่งเวลาในการทำความเข้าใจกับผู้คนให้เห็นถึงประโยชน์ของเมืองเดินได้
“ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เมืองเดินได้-เมืองเดินดีเป็นจริงคือผู้บริหารเมือง ที่มีวิสัยทัศน์ กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะเปลี่ยน อีกปัจจัยคือทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่นั้น ๆ ต้องยอมรับว่า ทุกการกระทำที่จะเปลี่ยนแปลงเมือง ย่อมกระทบต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเสมอ เราต้องใช้เวลาทำความเข้าใจให้คนเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ได้รับจากการเปลี่ยนแปลง จนสามารถออกเป็นนโยบายยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง” คุณอดิศักดิ์ รองผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง จุฬาฯ กล่าว
ที่ผ่านมา โครงการฯ ใช้ข้อมูลจากแผนที่ GoodWalk Score ในการเลือกพื้นที่ที่จะพัฒนาอย่างลงลึกให้เป็นรูปธรรม ซึ่งสิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อจากนี้ คือการเดินเข้าหาผู้คนที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจในประโยชน์ของเมืองเดินได้ เมืองเดินดี ที่สำคัญ โครงการฯ เน้นการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคีพัฒนา และภาคประชาชนในพื้นที่ ทั้งในเรื่องการสำรวจ และออกแบบพื้นที่ย่านต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และเมืองในจังหวัดอื่น ๆ ให้เป็นพื้นที่หรือย่านเดินได้และเดินดี
“เป้าหมายของโครงการนี้ไม่ใช่แค่การศึกษาและออกแบบพื้นที่เท่านั้น แต่เป็นถ่ายทอดและแบ่งปันองค์ความรู้ไปยังสถานศึกษาและคนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้”
ย่านจุฬาฯ – Sandbox เมืองเดินได้-เมืองเดินดี
กรุงเทพมหานครมีโอกาสพัฒนาเป็นเมืองเดินได้-เมืองเดินดีสูงมาก คุณอดิศักดิ์ กล่าว
“นโยบายของผู้ว่ากรุงเทพฯ ทั้งสมัยก่อนหน้าและสมัยปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับการขนส่งสาธารณะระบบราง ทำให้คนเดินมากขึ้น แต่การเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองเดินได้ทั้งเมืองนั้น เป็นไปได้ยาก เพราะมีหลายพื้นที่ถูกปิดล้อม บางที่ถูกทิ้งรกร้าง และมีปัญหาทับซ้อนเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ทางโครงการฯ จึงใช้แนวคิด “การฝังเข็มเมือง” หรือการพัฒนาพื้นที่ขนาดเล็กเป็นย่าน ๆ ที่เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและสังคมในระดับเมืองใหญ่”
หนึ่งในย่านที่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงคือย่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จากการศึกษาและสำรวจพื้นที่ พบว่าย่านปทุมวัน สยาม สามย่าน เป็นพื้นที่ที่มีค่าดัชนีเดินได้มากที่สุดในกรุงเทพและประเทศไทย เนื่องจากเป็นย่านที่มีจุดหมายปลายทางในชีวิตประจำวันในระยะที่เดินถึง ไม่ต้องพึ่งรถยนต์ในการเดินทาง ทางโครงการฯ จึงได้ร่วมมือกับหลายภาคส่วนในมหาวิทยาลัย ทำผังแม่บท CU2040 Masterplan: ผังแม่บทจุฬาฯ ศตวรรษที่ 2 “ปรับ-เปลี่ยน-เปิด” เพื่อทุกคน
รองศาสตราจารย์ ดร.จิตติศักดิ์ ธรรมาภรณ์พิลาศ รองอธิการบดี ด้านการจัดการทรัพย์สินและกายภาพ จุฬาฯ กล่าวถึงการดำเนินการให้จุฬาฯ เป็นพื้นที่เดินได้-เดินดี
“จุฬาฯ เป็น sandbox นำร่องที่สำคัญ มีการทำทางเท้าที่มีหลังคาคลุมเชื่อมต่ออาคารต่าง ๆ มีการใช้รถบัสไฟฟ้า ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า มีระบบ car sharing และ bike sharing ที่ไม่ก่อให้เกิดรอยเท้าคาร์บอนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อการเดินทางตั้งแต่ต้นทางและปลายทาง (First and Last Mile Connectivity)”
นอกจากนี้ จุฬาฯ ยังผลักดันให้พื้นที่สยามแสควร์ สวนหลวง สามย่าน เป็นย่านที่ทั้งเดินได้และเดินดี ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงทางเท้า โครงสร้างกันแดดกันฝน การเชื่อมต่อพื้นที่โดยรอบ การสร้างจุดชะลอความเร็วรถยนต์ ตลอดจนการปิดถนนบริเวณสยามแสควร์ เป็น walking street ที่ส่งเสริมการเดินเท้าไปพร้อม ๆ กับกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ อาทิ การแสดงดนตรี Street Performance ตลาด ถนนคนเดิน และรวมถึงการให้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ในเทศกาลหนังกรุงเทพฯ กลางแปลง
เดิน เปลี่ยนเมือง
นอกจากย่านจุฬาฯ แล้ว ทีมโครงการฯ ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ในโครงการกรุงเทพฯ 250 เพื่อพลิกเมืองเก่าให้น่าอยู่ มีประสิทธิภาพ เพื่อให้กรุงเทพเป็นมหานครระดับโลก ฉลองวาระ 250 ปีกรุงเทพฯ ในปี 2575
ทีมโครงการฯ ร่วมฟื้นฟู 17 เขตเมืองชั้นในของกรุงเทพฯ หรือคิดเป็น 60% ของกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองเดินได้ ได้แก่ ย่านราชดำเนินกลาง ย่านท่าช้าง-ท่าเตียน ย่านบ้านหม้อ ย่านบางขุนนท์-ไฟฉาย ย่านกะดีจีน-คลองสาน ย่านถนนโยธี-ราชวิถี ย่านชุมชนซอยโปโล-ร่วมฤตี ย่านตลาดน้อย ย่านสะพานปลา-ยานนาวา-ถนนตก ย่านวงเวียนใหญ่ และฟื้นฟูเมืองโซนที่อยู่อาศัยในย่านจรัญสนิทวงศ์ ยานาวา-บางคอแหลม
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมฟื้นฟูเมืองโซนประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ และธนบุรี และเมืองโซนกลางพาณิชยกรรมปทุมวัน-บางรัก และพาณิชยกรรมตากสิน และยังมีโครงการพัฒนาทางเดินริมน้ำต่อเนื่องในย่านกะดีจีน โครงการสะพานเขียวกรุงเทพฯ และแผนพัฒนาพื้นที่หรือย่านโดยรอบ ที่เชื่อมต่อระบบรางและขนส่งสาธารณะร่วมกับกรุงเทพมหานครด้วย
หนึ่งในผลงานตัวอย่างรูปธรรมที่โดดเด่นและเป็นที่น่าภูมิใจคือการปรับปรุงสะพานด้วน หรือโครงสร้างรถไฟฟ้าลาวาลินที่สร้างไม่เสร็จ ให้เป็นสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา
“พื้นที่นี้เป็นจุดเชื่อมต่อการสัญจรโดยเท้าและจักรยานของคน ทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี และยังรองรับการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เดินเล่น นั่งพักผ่อน ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก รวมทั้งปลูกต้นไม้สร้างร่มเงาความร่มรื่น ให้นักท่องเที่ยวสามารถข้ามไปฝั่งธนบุรีได้สะดวก สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับคนฝั่งธนบุรี” คุณอดิศักดิ์ กล่าว
อีกหนึ่งจุดสำคัญที่ขณะนี้ ทางโครงการฯ และกรุงเทพมหานคร กำลังสำรวจคือย่านราชวิถี –โยธี เพื่อทำทางเดินยกระดับ Sky walk เชื่อมต่อพื้นที่ให้บริการทั้งสองฝั่งถนนและย่านโดยรอบ รศ.ดร.นิรมล กล่าว
“ย่านนี้เป็นย่านสำคัญ เนื่องจากมีโรงพยาบาลชั้นนำและโรงเรียนแพทย์ถึง 7 แห่ง ด้วยความที่สมัยก่อน จอมพล ป. พิบูลสงคราม อยากจะให้ย่านนี้เป็น Medical metropolis จึงเป็นโอกาสดีในการฟื้นฟูย่าน ให้มีทางเดินยกระดับเพื่อรองรับการใช้งานของผู้คนได้มากขึ้น ทางเดินกว้างขึ้น ปลอดภัย มีหลังคา ไม่เปียก ไม่ร้อน ลดการใช้รถยนต์ เพิ่มการใช้ขนส่งสาธารณะ เชื่อมต่อกลุ่มอาคารโรงพยาบาลและพื้นที่ค้าขาย ซึ่งเปรียบเหมือนเส้นเลือดฝอยที่สำคัญในการหล่อเลี้ยงหมุนเวียน เศรษฐกิจ สุขภาวะและชุมชนที่ดี”
เดินหน้าโปรโมทการท่องเที่ยวด้วยวิถี “เมืองเดินได้-เมืองเดินดี”
แนวทางการพัฒนาเมืองเดินได้-เดินดี นอกจากจะใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองหลวง แล้ว ยังสามารถใช้พัฒนาเมืองรองในระดับภูมิภาคได้เช่นกัน
“ความท้าทายอยู่ที่โจทย์ของแต่ละเมือง ซึ่งไม่เหมือนกัน แต่ละเมืองมีเรื่องราวอัตลักษณ์เมือง ต้นทุนเมืองและต้นทุนทางวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดควบคู่กับการพัฒนาเมืองที่ส่งเสริมการเดินเท้าได้ ยิ่งเมืองที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ก็ยิ่งจำเป็นต้องสนับสนุนเดินเท้า” รศ.ดร.นิรมล กล่าว
ทีมวิจัยของโครงการฯ ร่วมมือกับหน่วยงานส่วนท้องถิ่นที่มีความเข้าใจเมือง ลงสำรวจพื้นที่พิจารณาจุดขายและจุดแข็งของแต่ละเมือง รวมถึงทำประชาคมเพื่อรับฟังเสียงจากคนในพื้นที่ เปิดโอกาสให้เข้ามาร่วมตัดสินใจร่วมกัน มีความเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน จากนั้นจึงร่วมออกแบบเมืองเชื่อมต่อการเดินเท้าให้กลายเป็นเมืองเดินได้-เมืองเดินดี โดยแบ่งออกเป็นเส้นทางมรดกวัฒนธรรม เส้นทางเศรษฐกิจ เส้นทางการเรียนรู้ และเส้นทางสีเขียว เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีและกิจกรรมทางสังคมให้กับคนในชุมชน
ตัวอย่างของเมืองต้นแบบที่ทางโครงการฯ ลงไปร่วมพัฒนา ได้แก่ เมืองลำพูนซึ่งเป็นเมืองโบราณสถาน เมืองร้อยเอ็ดที่มีงานเทศกาล เมืองนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นเมืองวัดพระธาตุ และเมืองระยองซึ่งเป็นเมืองเก่า
“ผลลัพธ์ที่ได้คือโอกาสจากเศรษฐกิจใหม่ของเมืองที่สามารถดึงดูดลูกหลานกลับมาเปิดร้านค้าขายที่บ้านเกิด อีกทั้งเทศบาล สำนักงานจังหวัดหลายแห่ง และประชาชนในหลายพื้นที่ เห็นด้วยและต้องการที่จะใช้ยุทธศาสตร์แนวคิดเมืองเดินได้-เดินดีเป็นแนวทางหลักในการขับเคลื่อนเมืองของพวกเขา”
โอกาสจากเศรษฐกิจใหม่ของเมือง จ.ลำพูน รศ.ดร.นิรมล เผยว่าล่าสุด โครงการฯ ได้ร่วมพัฒนาเมืองรอง 33 เมืองในแต่ละภูมิภาคร่วมกับหน่วยงานส่วนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมสุขภาวะ สังคม ส่งเสริมเศรษฐกิจ พัฒนาธุรกิจรายย่อยของย่าน พัฒนาสู่เมืองเดินได้-เดินดี และตอบโจทย์ของแต่ละเมืองได้มากที่สุด
แผนที่เมืองเดินได้-เดินดี 33 เมือง จากการดำเนินงาน 9 ปี หลายเมืองเริ่มออกเดินแล้ว ทีมโครงการฯ มั่นใจและเห็นเค้าลางความเป็นไปได้ในการพัฒนา “เมืองเดินได้-เมืองเดินดี” ทั้งในเมืองหลวงและเมืองในระดับภูมิภาค แต่สิ่งที่ยังเป็นโจทย์ท้าทายคือมุมมองของหน่วยงานภาครัฐ
“หน่วยงานราชการยังไม่เห็นและยอมรับให้แนวทาง เมืองเดินได้ เมืองเดินดี ให้เป็นการพัฒนาเมืองในประเทศไทย ทำให้ไม่มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนเมืองเดินได้-เมืองเดินดี ส่วนใหญ่ในการพัฒนาเมืองยังเป็นเรื่องงบทำถนน งบปรับปรุงถนน” รศ.ดร.นิรมล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ UDDC-CEUS และภาคีพัฒนา ยังคงเดินหน้าผลักดันให้แนวคิดการพัฒนาเมืองเดินได้-เดินดี เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองของประเทศไทย ทั้งนี้ รศ.ดร.นิรมล หวังว่าองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่โครงการณ นำเสนอในรูปแบบหนังสือ อาทิ Walkable City “เมื่อกรุงเทพฯ ออกเดิน”หนังสือ Walkable 101 “เมืองเดินได้ เมืองเดินดี ร้อยเอ็ด” และมาตรฐาน Complete Streets เมืองเดินได้-เมืองเดินดีจะเป็นเอกสารอ้างอิงแนวคิดนี้เพื่อให้ได้รับการยอมรับในวงกว้าง และสามารถเป็นหนึ่งในนโยบายและแนวทางหลักของการพัฒนาเมืองในประเทศไทยได้ในอนาคต
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร เมืองเดินได้-เมืองเดินดี ได้ที่
เว็บไซต์ http://www.goodwalk.org/
Facebook: https://www.facebook.com/GoodwalkThailand
Facebook: www.facebook.com/uddcbangkok
หรือ สอบถามเกี่ยวกับโครงการนี้ได้ที่ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง(UddC) อีเมล info@uddc.net
“จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่สร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงติด 100 อันดับแรกของโลกด้านชื่อเสียงทางวิชาการ โดย (QS) World University Rankings 2021-2022”
No comments