ผลประกอบการ บมจ.ทาทา สตีล(ประเทศไทย) จำกัด ไตรมาสที่ 1 เมษา-มิถุนา 2566 และแนวโน้มธุรกิจไตรมาสที่ 2 ปีการเงิน 2567 กรกฏา- กันยา 2566
26/7/66 โรคระบาดได้ผ่านพ้นไป เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ สำหรับประเทศไทย การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ และความเชื่อมั่นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ปริมาณการส่งออกของไทยปรับตัวลดลงอย่างมาก อีกทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ในระดับสูงทำให้ภาคอุตา่หกรรมรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในการบริหารประเทศ เพื่อให้โครงการก่อสร้างของภาครัฐ สามารถดำเนินต่อไปตามงบประมาณ ซึ่งจะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของประเทศ
การบริโภคในอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ การชะลอการใช้งบประมาณในโครงการ โครงสร้างพื้นฐาน การนำเข้าเหล็กลวดราคาต่ำจากจีนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น การส่งออกลดลง ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิต และการจำหน่ายในประเทศในไตรมาสนี้
บมจ.ทาทา สตีล(ประเทศไทย) มียอดขายในไตรมาสแรกของปีการเงิน 2566 ที่ 266 พันตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ 311 พันตัน และ 308 พันตันในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงกังวลในระดับความเชื่อมั่นตลาด และสถานการณ์ตลาดในอนาคต
รายได้จาการขายสำหรับ ไตรมาสแรกในปีการเงิน2567 ต่ำกว่าไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนจากยอดขายและราคาขายที่ลดลง สำหรับไตรมาสนี้ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) อยู่ที่ 124 ล้านบาท เทียบกับ 232 ล้านบาทในไตรมาสก่อน และ 662 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีกำไรก่อนภาษีเงินได้สำหรับไตรมาสแรกในปีการเงิน 2567 48 ล้านบาท เทียบกับกำไรก่อนภาษีเงินได้ 108 ล้านในไตรมาสก่อน และ 584 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทยังคงรักษาระดับการควบคุมเงินทุนหมุนเวียนอย่างใกล้ชิด ระดับสินค้าคงคลังและลูกหนี้การค้าได้ปรับลด เมื่อเทียบกับยอด ณ วันสิ้นงวด 31 มีนาคม 2566 และบริษัทสามารถรักษาสถานะปลอดหนี้อย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าการส่งออกจะลดลงอย่างมากในระหว่างไตรมาส แต่บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการส่งออก โดยได้รับใบรับรอง หรือใบอนุญาติ เพื่อการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดเป้าหมาย ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายในสินค้า สำหรับส่งออก ที่ผลิตจากโรงงานต่างๆของบริษัท ในขณะเดียวกันบริษัทได้พัฒนาสินค้าเป็นการเฉพาะให้สอดคล้องกับขั้นตอนส่งออกที่ผลิตของลูกค้าแต่ละราย รวมถึงสามารถส่งมอบสินค้าในเวลาที่สั้นลง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวลาในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกค้าสามารถลดระดับสินค้าคงคลัง และลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้
หวังว่าการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลในโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยทำให้สถานการณ์ในอนาคตดีขึ้น
No comments