TMILL เผย 6 เดือนแรกปี 2566 คว้ากำไร 55.55 ล้านบาท
พร้อมเดินตามแผนรักษาความสามารถในการทำกำไร เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น
กรุงเทพฯ -----TMILL เผย 6 เดือนแรกปี2566 คว้ากำไร 55.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 51.93 ล้านบาท แม้เผชิญภาวะต้นทุนสูงผสมโรงราคาแป้งสาลีและรำข้าวสาลีลดส่งผลกระทบ แต่ปรับกลยุทธ์การผลิตและการจัดจำหน่าย หวังรักษาความสามารถในการทำกำไรและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นางแววตา กุลโชตธาดา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน (CFO) บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL โรงงานโม่แป้งสาลีรายใหญ่และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2566 (สิ้นสุด 30 มิ.ย.66) มีกำไรสุทธิ 18.28 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2565 มีผลกำไรสุทธิลดลง 15.88 ล้านบาท คิดเป็น 46.5%
ส่วนรายได้จากการจำหน่ายในไตรมาส 2/2566 ลดลง 10.3% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการจำหน่ายแป้งสาลีลดลง 9.5% และรายได้จากการจำหน่ายรำข้าวสาลีลดลง 0.9% เช่นเดียวกับปริมาณจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีที่ลดลง 15.2% และ 20.6% แต่ราคาจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.3% และ 18.0% ตามลำดับ
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2566 ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนของข้าวสาลีที่ใช้ในไตรมาส 2/2566 นี้ปรับสูงขึ้นกว่าไตรมาส 2/2565 ถึง 7.5% ซึ่งเป็นสัดส่วนต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจำหน่ายแป้งสาลีและจากงบการเงินสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งปรากฏว่า งบการเงินของบริษัทแสดงผลการดำเนินงานกำไรสุทธิ 55.55 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3.61 ล้านบาท คิดเป็น 7.0%
“บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายใน 6 เดือนแรกของปี 2566 ลดลง 0.1% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยที่รายได้จากการจำหน่ายแป้งสาลีลดลง 0.6% ส่วนรายได้จากการจำหน่ายรำข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 0.4% ทั้งนี้ มาจากปริมาณจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีลดลง 9.7% และ 14.5% ถึงแม้ว่าราคาจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 10.1% และ 20.7% ก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากราคาจำหน่ายรำข้าวสาลีที่ปรับสูงขึ้นถึง 20.7%” นางแววตา กล่าว
ทั้งนี้เนื่องจากปีที่ผ่านมาราคาตลาดข้าวสาลีและแป้งสาลีปรับสูงขึ้นมาก แต่ปัจจุบันราคาตลาดข้าวสาลีเริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่ปลายไตรมาส 1 ที่ผ่านมา จึงทำให้บางโรงโม่ทำการเร่งระบายสต๊อกข้าวเก่าที่ราคาสูงโดยยอมขายราคาขาดทุนและทำให้ลูกค้าหลายรายนำราคาที่ได้นั้นมาต่อรองกับทางบริษัทฯ จึงจำเป็นต้องลดราคาจำหน่ายแป้งให้ลูกค้าเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ ทั้งที่ราคาตลาดที่ลดลงนั้นยังไม่ได้สะท้อนมาถึงต้นทุนในปัจจุบันนี้ จึงส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงในไตรมาส 2/2566
อย่างไรก็ตามทางบริษัทฯ ยังคงมีการปรับกลยุทธ์ทั้งด้านการผลิตและการจัดจำหน่ายเพื่อให้ยังคงความสามารถในการทำกำไรให้ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2566 นี้ นอกจากบริษัทฯ จะพยายามสร้างผลตอบแทนทางการเงินที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นแล้ว ก็ยังคงมีการทำกิจกรรมตอบแทนสังคมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจและเป็นทางเลือกการลงทุนที่มั่นคงให้กับนักลงทุนตลอดไป
No comments