Header Ads

บลูบิค กางแผนธุรกิจปี 67 ลุยตลาดต่างประเทศ สร้าง Synergy ต่อเนื่อง หลังปี 66 ทุบสถิติกำไรนิวไฮ แย้มข่าวดีเตรียมจ่ายปันผล 0.80 บาท/หุ้น ภายใน พ.ค.นี้

 Screenshot_20240221-170513

 บลูบิค กางแผนธุรกิจปี 67 ลุยตลาดต่างประเทศ สร้าง Synergy ต่อเนื่อง หลังปี 66 ทุบสถิติกำไรนิวไฮ แย้มข่าวดีเตรียมจ่ายปันผล 0.80 บาท/หุ้น ภายใน พ.ค.นี้

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน   ครบวงจร เปิดแผนธุรกิจปี 2567 เดินหน้าขยายฐานลูกค้าแบบ 360 องศา ครอบคลุมลูกค้าขนาดกลาง – ใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ หลังแผน Synergy การทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทในเครือประสบความสำเร็จ ปักหมุดรุกตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล็งใช้ประโยชน์จากบริษัทในเครือเพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ผนวกกับแนวโน้มการลงทุนด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันทั่วโลกยังเติบโตถึง 10% หรือราว 2.51 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าผลประกอบการปี 2567 สามารถโต 50% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยผลประกอบการปี 2566 โตกว่าเป้า มีกำไรสุทธิ 303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) และรายได้อยู่ที่ 1,313 ล้านบาท โตขึ้น 133% (YoY)

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมประกาศมติประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2567 ที่ได้มีการอนุมัติและเสนอต่อ        ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในการจ่ายปันผลจากผลดำเนินงานงวดปี 2566 มูลค่า 0.80 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 108,882,400 หุ้น โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญปันผลจำนวนไม่เกิน 45.57 ล้านบาทหรือ 0.4185 บาทต่อหุ้น และเป็น   เงินสดจำนวนประมาณ 41.54 ล้านบาท หรือ 0.3815 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD)        วันที่ 30 เมษายน 2567 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2567BBIK_1

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า สำหรับปี 2567 แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคธุรกิจ แต่ความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังเติบโต เพราะการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมต้องทำอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเลือกใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การทำธุรกิจ เพื่อรักษา     ขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่าย พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ปรับแผนการดำเนินงานเพื่อให้สอดรับกับการพิจารณาใช้งบประมาณที่เคร่งครัดมากขึ้นของลูกค้า และในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วยเช่นกัน

โดย 6 ปัจจัยบวกที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบลูบิค มีดังต่อไปนี้

1) แผนบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทย่อยในเครือ เพื่อสร้าง Economy of Scale รวมถึงการเพิ่ม Employee Utilization Rate ของพนักงาน พร้อมทำ Cross-Selling และ Up-Selling ขยายการให้บริการพร้อมผลิตภัณฑ์ผ่านฐานลูกค้าของแต่ละบริษัทในเครือ

2) แผนการเพิ่มรายได้ In-Organic Growth รวมถึงการมองหาดีล M&A ใหม่ ๆ เพื่อเสริมแกร่งและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของบริษัทย่อย อาทิ บริษัท ซอส สกิลล์ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจ Corporate Training ยกระดับทักษะด้านดิจิทัล ธุรกิจ และความเป็นผู้นำองค์กร ได้รับการตอบรับอย่างสูงตั้งแต่ต้นปีนี้ และทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น

3) แผนขยายตลาดต่างประเทศ มุ่งเน้นเจาะตลาดที่มีศักยภาพสูง อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย     ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเติบโตต่อเนื่อง

2024-02-20%20Press%20Release_Business%20Plan%202024%20-TH-

4) แผนต่อยอดการเติบโตของบริการหลักจากเทรนด์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน อาทิ

·       เทรนด์การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ Agile เพื่อสร้าง Hyper Scaling ให้กับองค์กรที่ต้องการสร้าง Digital Ecosystem ที่มีความยืดหยุ่นสูง และรองรับการเปลี่ยนแปลงของความต้องการทางธุรกิจได้ทุกแง่มุม          ผ่านผลิตภัณฑ์ EDNA (Event-Driven Nano Architecture) ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีความยืดหยุ่น รองรับการปรับเพิ่มและลดขนาดการใช้ทรัพยากรได้อย่างอิสระ โดยไม่กระทบบริการอื่น

·       เทรนด์ด้าน Generative AI ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถให้กับองค์กรในปัจจุบัน โดย Democratized Generative AI เป็นหนึ่งในบริการของบลูบิคที่จะช่วยให้องค์กรเข้าถึงเทคโนโลยี Gen AI ในวงกว้าง ช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจ อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้เร็วมากขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การลดงานซ้ำซาก และยกระดับการเข้าถึงลูกค้าผ่านการหา Customer Insights ด้วย AI เป็นต้น

·       เทรนด์การโจมตีทางด้านไซเบอร์ ที่รุนแรงขึ้นจนสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจ ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 70% ทั่วโลก ระหว่างปี 2566 - 2571 จึงทำให้บลูบิคพัฒนาบริการที่เรียกว่า ‘Cyber Guardians’ ที่จะช่วยปกป้อง ป้องกัน รับมือ และคุ้มครอง รวมถึงยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับองค์กรธุรกิจ ถือได้ว่าเป็นการให้บริการด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ที่เข้มข้นและครอบคลุมกว่าเดิม

5) ปัจจัยบวกจากการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มปีเพิ่มเติม จากบริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (BBVC) และบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ (Innoviz) ที่คาดว่าจะได้รับอนุมัติในครึ่งปีหลังของปีนี้

6) ส่วนแบ่งกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้นจากการถือครองหุ้นเพิ่มใน Innoviz จากเดิม 55% (ณ สิ้นปี 2566) เป็น 85% โดยกระบวนการซื้อขายหุ้นเพิ่มคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

“นับวันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมก็ยิ่งมีความซับซ้อนและหลากหลายมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการให้บริการที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจรของบลูบิคถือว่าเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ยิ่งไปกว่านั้นแผนการข้างต้นไม่เพียงจะสนับสนุนการเติบโตของผลประกอบการ ยังทำให้บลูบิคสามารถรับงานขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น และรองรับการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศที่มีศักยภาพ อาทิ ประเทศเวียดนาม ที่เรามี            แหล่งทรัพยากรบุคคล หรือ Tech Talent ศักยภาพสูง อีกทั้งยังคาดการณ์ว่ามีเม็ดเงินลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศเวียดนามจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง” นายพชร กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับผลประกอบการประจำปี 2566 เติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีกำไรสุทธิแตะ 303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีรายได้อยู่ที่ 1,313 ล้านบาท โต 133% (YoY) เป็นผลมาจากความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ยังเติบโตต่อเนื่อง แสดงให้เห็นชัดเจนผ่านการเติบโตในส่วนงานด้านบริการที่ปรึกษาเชิงลึกด้านดิจิทัลและพัฒนาเทคโนโลยีภายในองค์กร (Digital Excellence & Delivery) และบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Big Data & Advanced Analytics) รวมถึงความสำเร็จในการดำเนินแผนยุทธศาสตร์การสร้าง Synergy ระหว่างบริษัทในเครือ ที่ทำให้บริษัทฯ สามารถรับงานได้มากขึ้น

Screenshot_20240221-170633~2

BBIK_4

     ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 4 ประจำปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) และมีรายได้ 372 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% สำหรับ Backlog ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 มีมูลค่าราว 863 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มาจากบลูบิค 709 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุนอีก 154 ล้านบาท โดยในส่วนของบลูบิคเตรียมรับรู้รายได้ในปีนี้ 579 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้หลังจากปี 2567 ในขณะที่บริษัทร่วมทุนจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้

     “แม้ต้องเจอกับความท้าทายหลายด้านในช่วงที่ผ่านมา แต่บลูบิคยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนผ่านอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่อยู่ในระดับสูงถึง 80% นับตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2566 และในปีนี้เราเชื่อมั่นว่า              ผลประกอบการจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพเช่นที่ผ่านมา และทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ซึ่งเป็นผลมาจากอีโคซิสเต็มด้านบริการที่แข็งแกร่ง และแผนการลงทุนในธุรกิจที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกันของบริษัทย่อยในเครือ” นายพชร กล่าวปิดท้าย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Website : www.bluebik.com หรือติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่ Facebook Page : Bluebik Group และ LinkedIn : Bluebik Group

No comments

Theme images by sololos. Powered by Blogger.